World War 3 สงครามการเงิน

World War 3



สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆชาวสินธรและชาวพันธิป

สงครามโลกครั้งที่1และ2 ชาติมหาอำนาจขัดผลประโยชน์ใช้อาวุธเข้าทำลายล้างกันโดยตรง เพื่อครอบครองโลกเป็นที่หนึ่งแต่เพียงผู้เดียว แต่หลังจากสงครามเย็นมหาอำนาจเริ่มรู้แล้วว่า"เงิน" หรือการใช้เศรษฐกิจสามารถทำลายประเทศหนึ่งได้ย่อยยับมากกว่า และครอบงำประเทศนั้นให้ตกเป็นทาสได้ง่ายกว่า สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเยอรมันยังกลับมาได้ไม่นาน แต่ใช้การเงินถล่มสหภาพโซเวียต หรือวิกฤติต้มยำกุ้งของไทย สามารถครอบครองประเทศได้โดยไม่ต้องเสียกระสุนซักนัด

สงครามโลกครั้งที่3ที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้จึงเป็น"สงครามการเงิน" ใช้เงินบดและอัดเศรษฐกิจของประเทศให้ล่มสลายจากข้างใน ถึงจะมีกองทัพที่แข็งแกร่งแต่ไม่มีเสบียงเดินทัพกองทัพย่อมแตกสลาย เป็นอุบายที่แยบยลจริงๆ



และมวยคู่เอกในงานนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไม้เบื่อไม้เมาคู่รักคู่แค้นกันแต่ปางก่อน

แอ่น แอ้นนน นั่นคือออออ..


สหรัฐอเมริกาและสหพันธรัฐรัสเซีย


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คลื่นลูกใหม่


ความเดิมในยกก่อน หลังWW2 ช่วงสงครามเย็นแม้สหภาพโซเวียตจะยิ่งใหญ่มากมีเขตแดนใหญ่ที่สุดในโลกกองทัพที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็ถูกสหรัฐอเมริกาทำลายลง ด้วยการทำลายเศรษฐกิจของโซเวียตให้ย่อยยับจากภายใน หลังจากนั้นก็เข้าครอบครองธุรกิจพลังงาน การเงิน การเมือง และการทหาร

"ฮ่าๆ เคี้ยวหมูเว้ย" คลินตัน ไม่ได้กล่าวกับเยลซิลไว้


แต่กรุงมอสโควไม่สิ้นคนดีมีบุรุษกู้ชาตินามว่า ปูติน ได้กลับมากอบกู้รัสเซียจากประเทศผู้ป่วยแห่งยุโรป ให้กลับมาผงาดง้ำค้ำโลก ด้วยการทวงคืนธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เอาไปเลหลังให้ต่างชาติราคาถูก กลับมาเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการฟื้นฟูรัสเซีย มีอำนาจต่อรองกับยุโรปเพราะต้องใช้พลังงานจากรัสเซียถึง1ใน3 GDP ของประเทศรัสเซียเพิ่มขึ้นถึง 72% ความยากจนลดลง 50%


ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ "โหดสลัด" ปูติน


แต่เมื่อโลกนี้มันแคบ คนใหม่จะใหญ่ขึ้นมามันก็ทับตาปลานักเลงเก่าเจ้าที่เดิม สหรัฐ"เก๋าแต่รุ่นพ่อ"อเมริกา ที่ครอบงำอำนาจบนโลกใบนี้เบ็ดเสร็จแต่เพียงผู้เดียวSince WW2 แต่ด้วยมีลาภย่อมเสื่อมลาภไปตามกาลเวลา สร้างประเทศและความมั่งคั่งด้วยการบริโภค ความโลภ หนี้ และสงครามมานานปีก็เริ่มตึงมือ เมื่อภาคการผลิตไม่ทันการเกร็งกำไร เศรษฐกิจอเมริกาเริ่มสะดุด ตลาดหุ้นถล่มเมื่อปี2002, 2008 ธนาคารใหญ่อย่างเลแมน บราเธอร์ล้ม บรรดานายแบงค์ใหญ่ยอมไม่ได้ที่จะให้เงินในกระเป๋าหายไป สั่งการให้FEDรีบพิมพ์เงินออกมาซื้อหนี้เน่า อุ้มพลพรรค และกดดอกเบี้ยธนาคารต่ำ บังคับให้คนเอาเงินไปใช้หมุนธุรกิจ แต่ตามนิสัยคนชอบเงินง่ายQuick cash เอาเงินไปต่อเงิน เกร็งกำไร ง่ายกว่าสร้างการผลิต พ่อรวยเขาบอกไว้


การเล่นหุ้นโดยใช้มาร์จินในNYSE(เส้นแดง) เล่นกันหรอยมากขึ้นเรื่อยๆก่อนจะ...


ในขณะที่อเมริกาสะดุด ประเทศที่มีฐานการผลิตแน่น ประชากรมาก GDPเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนอำนาจเศรษฐกิจแซงหน้ามหาอำนาจเก่า คือกลุ่มBRICS จับมือรวมตัวขยายพลังทางเศรษฐกิจหวังโค่นล้มอำนาจของอเมริกา-ยุโรป ด้วยประชากรกว่า 3,000,000,000 คน และGDP 1ใน4ของโลก GDPโต6เท่าใน10ปี ก่อเป็นกำแพงเศรษฐกิจห้าก้อนที่แข็งแกร่ง

  Brazil Russia India China South Africa  

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สงครามน้ำมัน


แต่คลื่นลูกใหม่ก่อตัวไม่พ้นสายตาคลื่นลูกเก่า จีนรวยขึ้นเรื่อยๆ รัสเซียกลับมาผงาดในยุโรป หากปล่อยไว้ต่อไปไม่ช้าบัลลังก์ของเรา(อเมริกา)คงสั่นคลอนเป็นแน่แท้ อย่ากระนั้นเลย ตัดไฟแต่ต้นลม จะชนะหมากใหญ่ต้องล้อมกระดานก่อน รัสเซียเป็นจุดเริ่มต้นเพราะมีกองทัพที่ยิงใหญ่แต่เศรษฐกิจมีจุดอ่อนที่พึ่งพาการส่งออกพลังงาน หากตัดเสบียงรัสเซียได้ กองทัพที่ยิ่งใหญ่จะกลายเป็นภาระไม่อาจดำรงอยู่ได้...

กลการล้อมรัสเซียจึงเริ่มต้น ยูเครนยุทธศาสตร์หลัก ด้วยพื้นที่ราบห่างกรุงมอสโคว800กม. หากส่งรถถังบุกประชิดได้ใน2ชั่วโมง และเป็นเส้นทางส่งท่อก๊าสไปยังยุโรปลูกค้ารายใหญ่ และเป็นท่าเรือกองเรือรบทะเลดำของรัสเซีย
...หากใครมีอำนาจเหนือยูเครนย่อมเหมือนเอามีดจ่อคอรัสเซีย ฉะนั้นประชาธิปไตยส่งออกถูกลำเลียงไปยังยูเครนด้วยคอนเซปดีไซน์สีส้ม(Orange revolution) จัดตั้งรัฐบาลหุ้นเชิดและตั้งฐานทัพในยูเครนถือไพ่ใบใหญ่ไว้ในมือ



หากแต่รัสเซียในยุค "ซาร์"ปูติน ยอมหักไม่ยอมงอส่งกำลังทหารเข้าไปยึดจุดยุทธศาสตร์ในยูเครน ทั้งไครเมียฐานใหญ่ของกองเรือรบทะเลดำ และยูเครนตะวันออก ตาต่อตาฟันต่อฟัน ยุโรปถึงจุดตึงเครียดหนัก!



...จะทำสงครามยืดเยื้อต้องทำลายเสบียงกรัง รัสเซียมีจุดอ่อนใหญ่ที่เศรษฐกิจพิงกับการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แถมยุโรปยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ การแซงชั่นรัสเซียจึงเกิดขึ้น รัสเซียไม่สามารถทำการค้าขายกับยุโรปได้สะดวก ค่าเงินรูเบิ้ลรัสเซียตกหนัก...แต่ยังไม่ถึงจุดตาย
จุดตายรัสเซียอยู่ที่น้ำมัน การทุบราคาน้ำมันจึงเกิดขึ้น(คนใช้รถ เฮ! อิอิ) อเมริกาผลิตShale gas และบังคับซาอุดิอาระเบียให้เพิ่มการผลิตน้ำมันจนล้นตลาดโลก น้ำมันราคารูดเป็นขรี้รั่ว จาก 100$ เหลือ 60$  ค่าเงินรูเบิ้ลรัสเซียตกหนักกว่า 40%


ปูตินกำลังหน้าเขียว ขายน้ำมันไม่ออกหันไปขายน้ำมันราคาsellให้กับตุรกีและจีน
ยุโรปก็หน้าซีด ฟื้นจากพิษวิกฤษแฮมเบอร์เกอร์ยังต้องมาเจอกับวิกฤษหมีขาว ถ้ารัสเซียตัดแก๊สหน้าหนาวนี้คงได้ปั้นตุ๊กตาหิมะในบ้าน จะเดินหน้าลุยรัสเซียก็ไม่กล้า จะถอยหลังอเมริกาก็ถือปืนจี้อยู่
อเมริกาก็เข้าเนื้อ เศรษฐกิจก็ยังไม่ดี ธุรกิจน้ำมันเป็นของนายทุนใหญ่ งานนี้สายป่านไม่ยาวพอก็คงมีเรื่อง

...ส่วนตัวผมคิดว่า น้ำมันคงลงไม่ได้มากกว่าราคาต้นทุนของบริษัทใหญ่ แต่ลงได้มากกว่าต้นทุนบริษัทเล็ก คือให้บริษัทเล็กเจ๊งแล้วไปฮุบซื้อมาถูกๆ งานนี้ยิงนัดเดียวได้นกเป็นฝูง ทั้งเล่นงานรัสเซีย และอิหร่าน รวมถึงบริษัทย่อยๆที่สายป่านไม่ยาว
..อาจมีบางคนกำลังเก็บกองทุนน้ำมันอยู่ก็เป็นได้ ส่วนราคาเหมาะสมนี่ตามแต่ผู้มีข้อมูลเลยครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พรุ่งนี้มาต่อ สงครามทอง กับสงครามธนบัตรครับ

Credit. อาจารย์ธนงครับ อ่านแล้วได้ความรู้สงครามเศรษฐกิจระหว่างประเทศมากๆครับ
https://www.facebook.com/ThanongFanclub?ref=ts&fref=ts

คุณลุงนิทานฯ ข้อมูลสุดลึกล้ำ สนุกครับ
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8B%E0%B8%99/688258957869254?fref=ts
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่